ปางประทานโอวาท
พระพุทธรูปปางนี้อยู่ในพระอิริยาบถนั่งขัดสมาธิ ยกพระหัตถ์ทั้งสองขึ้นจีบนิ้วพระหัตถ์เสมอพระอุระ คล้ายปางเสด็จลงมาจากดาวดึงส์เป็นกิริยาประทานโอวาท คือโอวาทปาฏิโมกข์
พระพุทธรุปปางนี้ มีตำนานดังนี้ ครั้นพระพุทธเจ้าทรงเห็นการประชุมของพระสงฆ์หมู่ใหญ่ เห็นเป็นศุภนิมิตร อันดีเช่นนั้น จึงได้ทรงพระกรุณาแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ประทานแก่พระสงฆ์ทั้งหลาย โดยพระบาลีว่า :- ขันตี ปรมํ ตโป ตีติกฺขา ความว่า ความอดกลั้น คือความอดทน เป็นธรรมเผาผลาญบาปอย่างยิ่ง ท่านผู้รู้ทั้งหลายกล่าวว่า ท่านผู้รู้ทั้งหลายกล่าวว่า พระนิพพานเป็นธรรมประเสริฐ ผู้ทำร้าย ผู้อื่นไม่จัดว่า เป็นบรรพชิต แม้ผู้เบียดเบียนผู้อื่น ก็ไม่นับว่าเป็นสมณะ การไม่ทำบาปทั้งปวง ๑ การยังกุศลให้ถึงพร้อม๑ การทำจิตของตนให้ผ่องแผ้ว๑ สามข้อนี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย อนึ่ง การไม่เข้าไปกล่าวร้าย๑ การไม่เข้าไปทำร้าย๑ การสำรวมในพระปาฏิโมกข์๑ การรู้พอเหมาะพอควรในการบริโภค๑ การนั่งนอนในเสนาสนะอันสงัด๑ การประกอบความเพียรในอธิจิต๑ ทั้ง ๖ ประการนี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ครั้นทรงประทานโอวาทปาฏิโมกข์ คือธรรมที่เป็นประธานของคำกล่าวสอนทั้งหลาย แก่พระอริยสงฆ์สาวก ๑๒๕๐ องค์ เพื่อถือเป็นการแนวการสอนสำหรับ พระสงฆ์สาวกที่จะรับปฏิบัติศาสนกิจ เผยแพร่พระพุทธศาสนาแล้ว ได้ทรงทำวิสุทธิอุโบสถ ร่วมกับพระสงฆ์ ๑๒๕๐ องค์นั้น ดังนั้น การแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ ประทานแก่พระสงฆ์สาวกครั้งนี้ ซึ่งเป็นครั้งเดียวในพระศาสนา ที่พระผู้มีพระภาคทรงบำเพ็ญ ในหน้าที่พระองค์ เป็นเจ้าของพระพุทธศาสนา เป็นประธานแห่งพระสงฆ์ และเป็นพระบรมศาสดาของพระสาวกทั้งหลาย ได้ชื่อว่า พระองค์ได้ทรงปฏิบัติธุรกิจของพระพุทธเจ้า โดยชอบแล้วทุกประการ จบตำนานพระพุทธรูป ปางประทานโอวาทแต่เพียงนี้ ( จากตำนานพระพุทธรูปปางต่าง นิพนธ์ โดบ พระพิมลธรรม ราชบัณฑิต (ชอบ อนุจารี มหาเถระ)
|
ไปหน้าสารบาญพระพุทธรูปปางต่างๆ