๓๓. ปางโปรดพุทธมารดา

                พระพุทธรูปปางนี้ อยู่ในพระอิริยาบถนั่งขัดสมาธิ  พระหัตถ์ซ้ายวางบนพระชานุ  พระหัตถ์ขวายกขึ้นเสมอพระอุระ จีบนิ้วพระหัตถ์ เป็นกิริยาแสดงธรรมโปรด ลางแห่งททำนิ้วพระหัตถ์เป็นรูปกวัก คืองอนิ้วพระหัตถ์ลงเล็กน้อย เป็นกิยากวัก ให้เข้ากับเรื่องว่าทรงกวักพระหัตถ์ตรัสเรียกพระมารดา ให้เข้ามานั่งใกล้ เพื่อรับพระธรรมเทศนา ที่ตั้งพระทัยเสด็จมาโปรด

 

 

พระพุทธรูปปางนี้ มีตำนานดังนี้

                ในขณะที่พระผู้มีพระภาคเจ้า กำลังแสดงยมกปาฏิหาริย์อยู่นั้น ได้ทรงรำพึงขึ้นว่า พระพุทธเจ้าทั้งหลายในอดีต หลังจากทรงทำยมกปาฏิหาริย์แล้ว ได้แสด็จไปประทับจำพรรษาที่ไหนหนอ  แล้วก็ทรงทราบด้วยพระญาณว่า พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์เมื่อทำปาฏิหาริย์แล้ว ย่อมเสด็จขึ้นไปจำพรรรษาในดาวดึงส์พิภพ แสดงธรรม โปรดพระพุทธมารดาแล้ว ก็ทรงพระดำริว่า แม้พระองค์ก็ควรจะเสด็จไปโปรดพระพุทธมารดาในดาวดึงส์สวรรค์เช่นกัน ดังนั้น เมื่อทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์เสร็จแล้ว ก็เสด็จจากพระแท่นจงกรมแล้ว บนยอดไม้คัณฑามพฤกษ์ ที่แสดงยมกปาฏิหาริย์นั้น เสด็จขึ้นไปเทวพิภพชั้นดาวดึงส์ทันที  โดยทรงยกพระบาทขวาขึ้นจากจงกรมแก้ว ก้าวขึ้นเหยียบยอดเขาภูเขายุคันธร แล้วยกพระบาทซ้ายก้าวขึ้นเหยียบยอดเขาสิเนรุ แล้วเสด็จขึ้นประทับบนแท่น บัณฑุกัมพลสิลาอาสน์ ภายใต้ร่มไม้ปาริชาตในสรวงสวรรค์
                การเสด็จไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ของพระผู้มีพระภาคในเวลาเสร็จการแสดงยมกปาฏิหาริย์โดยฉับพลัน ซึ่งมหาชนทั่วทุกทิศ ก็กำลังใส่ใจแลดูอยู่ด้วยความเลื่อมใส  จึงนับเป็นเหมือนเดือนตก หรือตะวันตกหายวับไปจากโลก เป็นที่น่าเสียดายยิ่งนัก เพราะฉะนั้น ชนทั้งหลาย จึงพากันคร่ำครวญว่า พระศาสดาผู้เลิศในโลก เสด็จไปเขาจิตรกูฏ หรือเขาไกรลาส หรือเขายุคันธรหนอ  พวกเราจึงไม่เห็นรพะองค์ ชนเหล่านั้นได้พากันเข้าไปถาม พระมหาโมคคัลลานเถระว่า พระศาสดาเสด็จไปที่ไหนเสียเล่าพระคุณเจ้า พระมหาโมคคัลลานะ แม้จะรู้ดีอยู่ แต่เพื่อถวายความเคารพแก่พระอนุรุทธะ จึงได้บอกแก่ชนเหล่านั้นว่า  พวกท่านจงไปถามพระอนุรุทธะเถระดูเถิด คนเหล่านั้น จึงพากันเข้าไปถามพระอนุรุทธะเถระๆ ตอบว่า พระศาสดาเสด็จขึ้นไปจำพรรษาในสรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อแสดงพระอภิธรรมโปรดพระพุทธมารดา
                เมื่อไรจักเสด็จมาเล่า พระคุณเจ้า ?  สามเดือนอุบาสก พระเถระกรุณาบอก   และเสด็จมาวันมหาปวารณาด้วย
                คนเหล่านั้นปรึกษากันว่า พวกเราจักรอเฝ้าพระศาสดาอยู่ที่นี่และ หากไม่ได้เห็นพระศาสดาแล้ว ก็จักไม่ไป  แล้วจัดแจงทำที่พักอยู่ในที่นั้นเอง ท่านจุลละอนาถปิณฑิกะเสฏฐี ผู้มีกำลังมาก ได้กรุณาให้ความอนุเคราะห์แก่คนเหล่านั้นพอสมควร  แม้พระมหาโมคคัลลานะ ก็ได้กรุณาแสดงธรรม ให้กำลังใจ เจริญความเลื่อมใส  แก้ความข้องใจของมหาชน ที่ติดตามมาเพื่อชมปาฏิหาริย์ในภายหลังอีก

                ครั้นท้าวสักกะเทวราช  ได้ทอดพระเนตรพระผู้มีพระภาคเสด็จขึ้นมาประทับ ณ พระแท่น     บัณฑุกัมพลสิลาอาสน์   ก็มีความยินดี  ป่าวประกาศให้เทพยดาทั้งหลายให้ทราบทั่วกันแล้ว ต่างก็รีบมาเฝ้าพระผู้มีพระภาคในทันใดนั้น มากมายสุดที่จะคณนา  เมื่อพระศาสดามิได้ทอดพระเนตรเห็นพระพุทธมารดา จึงตรัสถามท้าวโกสีย์สักกะเทวราช  ท้าวโกสีย์จึงทูลขอประทานโอกาส พระผู้มีพระภาค ขึ้นไปเฝ้า  เทพธิดาเจ้าสิริมหามายา พระพุทธมารดา  ในสวรรค์ชั้นดุสิต   ทูลเชิญให้ไปเฝ้าพระธรรมสามิศร์  ยังที่ประทับ ณ            บัณฑุกัมพลสิลาอาสน์   พระพุทธมารดา ก็เสด็จลีลาสด้วยความโสมนัส ลงไป เฝ้าพระผู้ทรงสวัสดิ์     สัพพัญญูปิโยรส   ครั้นถึงก็ทรง ประณตตทศนขอัญชลีแล้ว ทรงประทับยังแท่นที่อันงามวิจิตร ท่ามกลางเทพยดาทั่วทุกทิศที่เข้ามาสถิตเฝ้าแหนพระศาสดาอยู่เป็นอันมาก  ต่อนั้นพระผู้มีพระภาค จึงยกพระหัตถ์เบื้องขวาออกจากกลีบจีวร  งามอรชรดังงวงช้างไอยรา กวักเรียกพระพุทธมารดาว่า  เอหิ  อมฺม  ขอพระแม่เจ้าได้กรุณาเสด็จมาใกล้ๆพระตถาคต  ผู้เป็นปิโยรส ซึ่งพระแม่เจ้าได้อุ้มท้อง   ประคับประคองและเลี้ยงดูด้วยน้ำนมและข้าวป้อนแต่อเนกชาต  ตถาคต ขอโอกาส โปรดสนองพระคุณ ซึ่งสูงด้วยค่าหาประมาณมิได้  ด้วยพระอภิธรรมเทศนา  แล้วพระบรมศาสดา ก็เริ่มแสดงธรรม โปรดพระพุทธมารดา  ถ้วนไตรมาสทุกเวลา   ให้พระพุทธมารดาได้บรรลุอริยมรรคอริยผล สมดั่งพระกมล ที่ทรงรพระอุตสาหะเสด็จมา
                จบตำนานพระพุทธรูปปางโปรดพุทธมารดแต่เพียงนี้
 

(หมายเหตุ  พระพุทธมารดาในตำนานนี้หมายถึงพระพุทธมารดผู้ไปอุบัติบังเกิดเป็นสันดุสิตเทพบุตร

( จากหนังสือตำนานพระพุทธรูปปางต่าง นิพนธ์ของ พระพิมลธรรม ราชบัณฑิต
( ชอบ อนุจารี มหาเถระ)จัดพิมพ์โดย โครงการมูลนิธิหอไตร ๒๕๓๓ หน้า ๑๔๗-๑๕๐)

 

ไปหน้าสารบาญ พระพุทธรูปปางต่างๆ

HOME

Free Web Hosting