๕๒. ปางโปรดอสุรินทราหู

            พระพุทธรูปปางนี้  อยู่ในพระอิริยาบถนอนตะแคงขวา  พระบาทซ้ายับพระบาทขวาเสมอกัน พระหัตถ์ซ้ายทาบทอดไปตามพระกายพระกัจฉะ(รักแร้) ทับบนพระเขนย  อุ้งพระหัตถ์ขวาขึ้นประคองพระเศียร ให้ตั้งขึ้น (พระนอนใหญ่ๆ สร้างแบบนี้ทั้งนั้น ดูดพระนอนวัดพระเชตุพน และ พระนอนวัดราชโอรสาราม เขตจอมทอง (บางขุนเทียน)  กรุงเทพฯ เป็นตัวอย่าง)

 

 

พระพุทธรูปปางนี้ มีตำนานดังนี้

            สมัยหนึ่ง เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้า เสด็จประทับอยู่  ณ พระเชตะวันวิหาร ในพระนคร     สาวัตถี  ครั้งนั้น อสุรินทราหูอุปราชของท้าวเวปจิตติอสุรบดินทร์ ผู้ครองอสูรพิภพ  ได้สดับพระเกียรติคุณของพระสัมพุทธเจ้า จากสำนักเทพยดา ทั้งหลายว่า  พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น เป็นพระอรหันต์ตรัสรู้เอง โดยชอบ สมบูรณ์ด้วยวิชชา และจรณะ  เสด็จไปดีแล้ว  ทรงรู้แจ้งโลก  เป็นสารถีฝึกบุรุษ ไม่มีใครเหนือ  เป็นศาสดา ของเทวดา แลมนุษย์ทั้งหลาย  มีพระทัยเบิกบานยิ่ง เป็นจำแนกธรรมอันประเสริฐ  ครั้นอสุรินทราหู ได้ฟังแล้ว  ก็มีความปรารถนา จะไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค  แต่แล้วกลับคิดว่า  พระผู้มีพระภาคเจ้า นั้นเป็นมนุษย์  มีพระกายเล็ก  ถ้าเราเข้าไปเฝ้าก็จะต้องก้มลงมอง  เป็นความลำบากทั้งเราก็ไม่เคยก้มเศียรให้ใคร  ครั้นคิดแล้ว ก็ระงับความใคร่จะไปเฝ้านั้นเสีย  แต่ครั้นเห็นทวยเทพดาแลพระพรหม ทั้งหลาย ไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้ากันคราวละมากๆ ความคิดใคร่จะไปเฝ้าก็เกิดขึ้นอีก  ทั้งยิ่งได้ทราบพระคุณสมบัติของพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า พระองค์มีพระพักตร์เบิกบานเสมอ  ทรงมีการปฏิสันถารดี  โอภาปราศรัยน่ารัก, น่าใคร่  เป็นที่เจริญใจของทุกคนที่เข้าเฝ้า ก็ยิ่งเป็นการเร้าใจใคร่จะไปเฝ้ายิ่งขึ้น ดังนั้น  ในราตรีวันหนึ่ง           อสุรินทราหู  จึงเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าที่ยังประทับ

            ก่อนเวลาที่อสุรินทราหูจะเข้าไปเฝ้า  พระผู้มีพระภาคทรงทราบดีแล้ว ด้วยพระ         อนาคตังสญาณ ทั้งทรงทราบดีตลอดถึงความในใจของอสุรินทราหูด้วยที่คิดดูหมิ่นพระองค์มีพระกายเล็ก  ถ้าเข้าไปเฝ้าก็จะต้องก้มลงมอง  เหมือนพญาช้างมองดูมดแดงฉะนั้น  ครั้นทรงทราบจึงรับสั่งแก่พระอานนท์ว่า  อานนท์  วันนี้อสุรินทราหูจะมาเฝ้า  เธอจงจัดสถานที่รับรองที่บริเวณพระคันธกุฏี อันเป็นสถานที่กว้างใหญ่  และจงลาดบรรจถรณ์ ที่นอนของฉันไว้ ณ ที่นั้น ด้วย  ฉันจะนอนรับอสุรินทราหู  เพื่อให้โอกาส แก่อสุรินทราหู ได้เห็นอย่างใกล้ชิด และถนัดชัดเจน

            ครั้นใกล้เวลา ที่อสุรินทราหูเข้าเฝ้า  พระผู้มีพระภาคก็เสด็จบรรทมในพระแท่นที่ประทับ  ทรงทำปาฏิหาริย์ นิรมิตพระกายให้ใหญ่กว่าอสุรินทราหู  หลายเท่า  พระรูปนี้จะปรากฏเฉพาะแต่อสุรินทราหูเพียงผู้เดียวเท่านั้น  ครั้นอสุรินทราหูเข้าไปเฝ้า  เห็นเข้าก็อัศจรรย์ใจมาก  แม้แต่เพียงพระบาททั้ง ๒ ข้าง ที่ซ้อนกันอยู่  ก็ยังสูงและใหญ่กว่าอสุรินทรหูเสียอีก  เมื่ออสุรินทราหู เข้าใกล้ได้ถวายอภิวาท  แทนที่จะต้องก้มลงดูพระพุทธเจ้า ดังที่คิดแต่แรกมา กลับต้องแหงนหน้า ชมพระพุทธลักษณะอันงดงาม  ตั้งแต่พื้นพระบาทจนถึงพระพักตร์  ปรากฏว่า เป็นที่พอใจ ได้ความปลาบปลื้ม ที่ได้ชมพระรูปพระโฉม ของพระพุทธเจ้า ทั้งใหญ่ทั้งงามสมส่วนทุกประการ  ก็กราบทุลสรรเสริญ

            ลำดับนั้น  พระผู้มีพระภาค จึงทรงรับสั่ง ปฏิสันถาร ให้ความชื่นบานแก่อสุรินทราหูยิ่งขึ้น แล้วตรัสว่า  อสุรินทราหู !   บุคคลทั้งหลาย เมื่อได้ทราบข่าวเล่าลือ  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดๆ หากยังไม่ได้เห็น  ยังไม่พิจารณาให้ถ่องแท้ แก่ใจตนแล้ว  ไม่พึงติชมก่อน  อสุรินทรหู,  ท่านคงเข้าใจว่า  ท่านมีร่างกายใหญ่กว่าเทพยดาและอสูรทั้งหลาย  จริงอยู่บรรดาพวกอสูรทั้งหลายในอสูร พิภพนั้นมี ร่างกายเล็กกว่าท่าน  แต่ท่านคิดหรือเปล่าว่า ในที่อื่น อาจมีผู้ที่มีร่างกายใหญ่กว่าท่าน  เหมือนปลาใหญ่ในหนองคลองบึง มันอาจคิดว่าตัวมัน โตกว่าปลาทั้งหลาย  ไม่มีปลาตัวใดจะเสมอได้  เพราะมันยังไม่ได้เห็นปลา ในมหาสมุทร  อสุรินทราหู !   แม้ท่านเองก็ยังมีความรู้สึกเช่นนั้น

            อสุรินทราหู บรรดาพรหมทั้งหลาย ในพรหมโลก ชั้นบนทั้งหมดล้วน มีร่างกายใหญ่กว่าท่าน  ถ้าท่านมีความปรารถนาจะได้ดู, ได้ชม, พรหมเหล่านั้น  ตถาคตรับรองว่า จะพาท่านไปดู  ไปชมได้แม้ในขณะนี้  ครั้นอสุรินทราหู ทูลขอประทานพระกรุณา ให้พาไปชมพรหมทั้งหลาย ในพรหมโลก พระผู้มีพระภาคใด้ทรงทำปาฏิหาริย์ พาอสุรินทราหู ไปยังพรหมโลก ในทันใดนั้น

            เมื่อพระผู้มีพระภาคเสด็จขึ้นปรากฏพระกายในพรหมโลก บรรดามหาพรหมทั้งหลาย  ก็พากันมาเฝ้าเป็นอันมาก  บรรดามหาพรหม ที่พากันมาเฝ้าเหล่านั้น  ล้วนมีร่างกายใหญ่กว่า อสุรินทราหู ตั้งร้อยเท่าพันเท่า  แต่พระผู้มีพระภาคกลับมีพระกายปรากฏว่า ใหญ่กว่า มหาพรหมเหล่านั้น ทั้งหมด  ส่วนอสุรินทราหู คงมีร่างกายเท่าเดิม  มีความหวาดกลัว ตัวสั่นเทา  หลบอยู่เบื้องหลังพระผู้มีพระภาค  ปรากฏเหมือนแมงมุม เกาะอยู่ที่ชายจีวรพระผู้มีพระภาคฉะนั้น

            ท้าวมหาพรหม ได้ทูลถามพระผุ้มีพระภาคว่า   ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระองค์ได้ทรงพระกรุณาพาเอาตัวอะไรขึ้นมาดด้วยพระเจ้าข้า,  พระศาสดา ตรัสตอบว่า  ผู้นี้คืออสุรินทราหู , เขาถือตัวว่า ตัวมีร่างกายใหญ่  อยากจะเห็นผู้มีร่างกายใหญ่กว่า  โดยคิดว่า ในสกลโลกนี้ ยังจะมีผู้ที่ร่างกายใหญ่เท่าเขาอยู่บ้างหรือ  ตถาคตจึงพาขึ้นมา  ให้อสุรินทราหู ได้เห็นประจักษ์ ด้วยนัยน์ตาตนเอง

            ท้าวมหาพรหม ได้กราบทูล  เป็นอย่างนั้น แหละพระเจ้าข้า, วิสัยคนที่มานะอันกระด้าง  ย่อมถือตัวยกตนข่มผู้อื่น  เหมือนคนทุคคตะเข็ญใจได้ทรัพย์ เพียงบาทหนึ่ง  ก็ถือตัวว่าเป็นคนมีทรัพย์  หรือเหมือนคนพาลมีความรู้น้อย ก็ทะนงตนว่าเป็นปราชญ์
            ครั้นพระผู้มีพระภาคเสด็จประทัยอยู่ในพรหมโลก พอสมควรแก่เวลาแล้ว  ก็ตรัสอำลาท้าวมหาพรหม  พาอสุรินทราหู กลับลงมายังพระเชตะวันวิหาร  ทรงทรมานให้อสุรินทราหู ลดมานะทิฏฐิอันกระด้างลงได้  กลับมีใจเลื่อมใสในพระศาสดา  ขอถึงพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นสรณะ  แล้วกราบทูลลากลับไปยังพิภพของตน

จบตำนานพระพุทธรูปปางโปรดอสุรินทราหู แต่เพียงนี้

 

( จากหนังสือตำนานพระพุทธรูปปางต่าง นิพนธ์ของ พระพิมลธรรม  ราชบัณฑิต ( ชอบ อนุจารี มหาเถระ  จัดพิมพ์โดย โครงการมูลนิธิหอไตร  ๒๕๓๓ หน้า ๒๕๙-๒๖๒ )

 

ไปหน้าสารบาญ พระพุทธรูปปางต่างๆ

HOME

Free Web Hosting