๖๑. ปางปลงอายุสังขาร พระพุทธรูปปางนี้ อยู่ในพระอิริยาบถนั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายวางบนพระเพลา แบพระหัตถ์ขวายกขึ้นประทับที่พระอุระอย่างกิริยาลูปพระกาย
พระพุทธรูปปางนี้ มีตำนานดังนี้ ขณะนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า มีพระประสงค์จะให้พระอานนท์กราบทูลอารธนาพระองค์ ให้ทรงดำรงพระชนมายุอยู่ชั่วอายุกัปหนึ่ง ( อายุกัป หมายถึง ๑๐๐ ปี เป็นอายุขัย) หรือเกินกว่าอายุกัปหนึ่งนั้น จึงทรงแสดงโอฬาริกนิมิต ให้แจ้งชัดโดยแสดงอานุภาพอิทธิบาทภาวนาว่า ผู้ใดได้เจริญอิทธิบาทภาวนาดีแล้ว สามารถจะดำรงชีวิตอยู่ได้ถึงกัปหนึ่ง หรือเกินกว่า ตรัสปริยายนิมิตให้ชัด ดังนั้นถึง ๓ หน มารเข้าดลใดพระอานนท์เสีย ไม่สามารจะรู้ทัน พระดำรัสที่ทรงพระประสงค์ได้ พระอานนท์จึงไม่ได้กราบทูลอาราธนา ให้พระผู้มีพระภาคเจ้า ดำรงพระชนม์อยู่ตลอดอายุกัปหนึ่ง หรือเกินกว่า ต่อนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้า จึงรับสั่งให้พระอานนท์ออกไปเสียจากที่นี้ พระอานนท์ถวายบังคมแล้ว ออกไปนั่งอยู่ที่ร่มไม้ไม่ไกลจากพระผู้มีพระภาคเจ้านัก ครั้นพระอานนท์ หลีกออกไปแล้วไม่นาน มารได้ถือโอกาสเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วยกเนื้อความแต่ปางหลัง ครั้งแรกได้ตรัสรู้อภิสัมโพธิญาณ ประทับ ณ ควงไม้อชปาลนิโครธนั้น ได้ตรัสว่า “บริษัททั้ง ๔ เหล่า คือภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสก ยังไม่ฉลาดสามารถแสดงธรรม ย่ำยีปรับปวาท โดยสหธรรม และพรหมจรรย์ ยังไม่ประกาศแพร่หลายบริบูรณ์ด้วยดี สำเร็จประโยชน์แก่ประชุมชนเป็นอันมาก ทั้งเทวดาและมนุษย์เพียงใดแล้ว ยังจักไม่ปรินิพพานก่อนเพียงนั้น” ดังนี้ บัดนี้ ปริสสมบัติและพรหมจรรย์ก็สมบูรณ์ดังพุทธประสงค์ทุกประการแล้ว ขอพระผู้มีพระภาคจงปรินิพพานเถิด สุคตจงปรินิพพานเถิด บัดนี้ เป็นกาลปรินิพพานของพระผู้มีพระภาคแล้ว เมื่อมารกล่าวดังนี้แล้ว พระผู้มีพระภาค จึงตรัสห้ามมาร ว่าดูกรมารผู้มีใจบาป ท่านจงมีความขวนขวายน้อยเถิด ความปรินิพพาน แห่งพระตถาคต จักมีไม่ช้า แต่นี้ไปอีก ๓ เดือน พระตถาคตก็จักปรินิพพาน พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนอานนท์ เหตุที่ทำให้แผ่นดินไหวนั้น มี ๘ ประการ คือ พระอานนท์จึงกราบทูลว่า ขอพระผู้มีพระภาคจงอยู่กัปหนึ่งเถิด เพื่อเกื้อกูลแก่ชนเป็นอันมาก เพื่อความสุขแก่ชนเป็นอันมาก เพื่อนุเคราะห์สัตว์โลก เพื่อประโยชน์เกื้อกูลและความสุขแก่เทพยดามนุษย์ทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคตรัสห้ามว่า อานนท์ อย่าเลย เธออย่าได้วิงวอนพระตถาคตเลย บัดนี้มิใช่เวลาที่เธอจะวิงวอนพระตถาคตเสียแล้ว พระอานนท์ก็หาฟังไม่ ได้พยายามวิงวอนถึง ๒ ครั้ง ๓ ครั้ง พระผู้มีพระภาค จึงตรัสว่า อานนท์ เธอยังเชื่อปัญญาความตรัสรู้ของพระตถาคตอยู่หรือ? เพื่อบรรเทาความเศร้าใจความเสียใจของพระอานนท์ ที่ไม่สามารถรู้ทันและไม่ทันได้อารธานาให้ทรงดำงอยู่กัปหนึ่ง พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า “อานนท์ เราได้บอกแล้วแต่เดิมมิใช่หรือว่า บรรดาสัตว์และสังขารที่รักใคร่เจริญใจทั้งปวง ย่อมต้องพลัดพลาดเป็นอย่างอื่นไป ไม่คงทนถาวร อยู่ได้ตามใจประสงค์ อานนท์ การจะหาสิ่งที่พึงใจและถาวร มั่นคงในสังขารนี้ จะได้ที่ไหน สิ่งใดอาศัยปัจจัยแต่งขึ้น สิ่งนั้นจะต้องแตกสลายไปเป็นธรรมดา อานนท์ การจะร่ำร้องปรารถนาว่า ขอสิ่งนั้นจงตั้งอยู่ อย่าพินาศเลย ไม่เป็นฐานที่ผู้ร่ำร้องจะพึงได้ดังใจประสงค์” “อานนท์ก็สิ่งใดแล ที่พระตถาคตได้สละแล้ว คายเสียแล้ว ปล่อยเสียแล้ว ละเสียแล้ว วางเสียแล้ว อันพระตถาคต จะเอาสิ่งนั้นคืนกลับมาอีก เพราะเหตุแห่งชีวิต ข้อนั้นไม่เป็นฐานะที่จะพึงมีได้” แสดงว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าจะต้องเสด็จดับขันธปรินิพพาน นับแต่นี้ไปอีก ๓ เดือน คือในวันเพ็ญเดือนวิสาขมาส โดยแท้แล จบตำนาน พระพุทธรูปปางแสดงโอฬาริกนิมิต ปางห้ามมาร และปางปลงอายุสังขาร รวม ๓ ปาง แต่เพียงนี้ ( จากตำนานพระพุทธรูปปางต่าง นิพนธ์ โดบ พระพิมลธรรม ราชบัณฑิต (ชอบ อนุจารี มหาเถระ)
|