๑๔. ปางนาคปรก

            พระพุทธรูปปางนี้อยู่ในพระอิริยาบถนั่งขัดสมาธิ  หงายพระหัตถ์ทั้งสองวางซ้อนกันบนพระเพลา  มีพญานาคแผ่พังพอนปกคลุม เบื้องบนพระเศียร บางแห่งสร้างเป็นแบบขัดสมาธิเพชร
พระนาคปรกนี้มี ๒ แบบ คือ  แบบหนึ่งประทับนั่งสมาธิบนขนดพญานาค  แบบหนึ่งประทับนั่งสมาธิภายในขนดพญานาค  คือพญานาคขดตัวล้อมพระกายไว้ถึงพระอังสา  เพื่อป้องกันลม ฝน ตามตำนาน

 

 

 

พระพุทธรูปปางนี้  มีตำนานดังนี้

เมื่อเสด็จประทับเสวยวิมุติสุข ณ ร่มไม้  อชปาลนิโครธ  ๗ วันแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้า ก็เสด็จไปประทับนั่งเสวยวิมุติสุข ยังร่มไม้จิก  ชื่อว่า  มุจจลินท์  ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศอาคเนย์ของต้นมหาโพธิ์นั้น.
บังเอิญในวันนั้น  เกิดมีฝนตกพรำอยู่ไม่ขาดสายตลอด ๗ วัน  พญามุจจลินทท์นาคราช ออกจากภิภพ  ทำขนดล้อมพระวรกาย ๗ ชั้น  แล้วแผ่พังพานใหญ่ปกคลุมเบื้องบน  เหมือนกั้นเศวตรฉัตร ถวายพระผู้มีพระภาคด้วยความประสงค์มิให้ฝน และลมหนาวสาดต้องพระวรกาย  ทั้งป้องกันเหลือบ ยุง  บุ้ง ร่าน ริ้น และสัตว์เลื้อยคลาน ทั้งมวลด้วย.
ครั้นฝนหายขาดแล้ว  พญามุจจลินทร์ นาคราช จึงคลายขนดจากที่ล้อมพระวรกายพระผู้มีพระภาคเจ้า  จำแลงเพศเป็นมาณพน้อย  ยืนทำอัญชลีถวายนมัสการพระผู้มีพระภาคเจ้า  จำแลงเพศเป็นมาณพน้อย  ยืนทำอัญชลีถวายนมัสการพระผู้มีพระภาคเจ้า ในที่เฉพาะพระพักตร์
ลำดับนั้น  พระผู้มีพระภาค ได้ทรงเปล่งอุทานว่า :-

                                    สุโข  วิเวโก   ตุฏฺฐสฺส                   สุตธมฺมสฺส   ปสฺสโต
อพฺยาปชฺชํ  สุขํ  โลเก                   ปาณภูเตสุ  สญฺญโม
สุขา  วราคตา   โลเก                   กามานํ   สมติกฺกโม
อสุมิมานสฺส  วินโย                      เอตํ  เว  ปรมํ  สุขํ.

            ความว่า  ความสงัดเป็นสุขของบุคคลผู้มีธรรมอันได้สดับแล้ว รู้เห็นสังขารทั้งปวงตามเป็นจริงอย่างไร  ความเป็นคนไม่เบียดเบียน  คือความสำรวมในสัตว์ทั้งหลาย   และความเป็นคนปราศจากความกำหนัด  คือความก้าวล่วงกามทั้งปวงเสียได้  เป็นสุขในโลก  ความนำออกเสีย ซึ่งอัสมิมานะ  คือความถือตัวตนให้หมดได้นี้  เป็นสุขอย่างยิ่ง

พระพุทธจริยา ที่เสด็จประทับนั่งเสวยวิมุตสุข  ภายในวงขนดของพญามุจจลินทน์นาคราช  ที่ขดแวดวงพระกายอยู่นี้   เป็นเหตุให้สร้างพระพุทธรูปอีกปางหนึ่ง เรียกว่า “ปางนาคปรก”  ดังนั้นพระพุทธรูปปางนี้  จึงอยู่ในพระอิริยาบถนั่งขัดสมาธิ  หงายพระหัตถ์ทั้งสองวางซ้อนกันบนพระเพลา  ที่นิยมสร้างชนิดนั่งสมาธิ แบบพระมารวิชัยก็มี  มีพญานาค ๗ หัว  แผ่พังพานปกคลุมเบื้องบนพระเศียร เพื่อป้อง ลม ฝน  ตามเรื่อง
เรื่องพระนาคปรกนี้  นิยมสร้างเป็นพระนั่งบนขนดตัวพญานาค เหมือนเอานาคเป็นบัลลังก์ดูสง่า  องอาจเป็นพระเกียรติอำนาจของพระพุทธเจ้า อย่างหนึ่ง  ได้ลักษณะเป็นอย่างพระเจ้า ของพวกพราหมณ์  ลางทีจะเอาแบบลัทธิพราหมณ์ มาสร้างก็ได้  แต่ลักษณะนี้  ดูจะป้องกัน ลม ฝน  ไม่ได้  ไม่สมกับเรื่องที่พญานาคมาแวดวงขนดรอบพระกาย เพื่อป้องกันลมฝนถวาย

            ถ้าจะรักษา ลักษณะของพระพุทธรูปตามเรื่องนี้  ก็จะเป็นลักษณะอีกอย่างหนึ่งคือ  พระพุทธรูป จะมีพญานาคพันรอบพระกาย ด้วยขนดตัวพญานาค ๔- ๕ ชั้น  จนบังเกิดพระกายมิดชิด  เพื่อป้องกัน ลมฝน  จะเห็นแต่พระเศียร  พระศอ  และพระอังษา  เป็นอย่างมาก  ทั้งเบื้องบน  ก็จะมีหัวพญานาคแผ่พังพานปกคลุมอีกด้วย  ขอให้ดูพระพุทธรูปปางนาคปรก  ในหนังสือพุทธประวัติทัศนศึกษา  ที่ถ่ายมาจากโบสถ์พระแก้ว  ในพระบรมมหาราชวัง  เป็นตัวอย่างเถิด  จะเห็นเป็นจริงตามลักษณะของเรื่องนี้  มิใช่อย่างที่นิยมสร้างกันอยู่ในบัดนี้  หากแต่รูปแบบนี้ไม่งาม  ถ้าคนที่ไม่ทราบเรื่องมาก่อน อาจเห็นไปว่า พระถูกพญานาครัด จะกลืนกินก็ได้  แต่คนไม่รู้แล้วไม่เรียนให้รู้  เราก็จะช่วยอะไรไม่ได้เหมือนกัน

            พระพุทธรูปปางนาคปรกนี้  นิยมสร้างเป็นพระพุทธรูปที่สักการบูชาประจำวัน  ของคนเกิดวันเสาร์

( จากหนังสือตำนานพระพุทธรูปปางต่าง นิพนธ์ของ พระพิมลธรรม  ราชบัณฑิต ( ชอบ อนุจารี มหาเถระ) 
จัดพิมพ์โดย โครงการมูลนิธิหอไตร  ๒๕๓๓ หน้า๕๔-๕๗ )

 

 

ไปหน้าสารบาญพระพุทธรูปปางต่างๆ

HOME

Free Web Hosting