๔๒. ปางขอฝน

            พระพุทธรูปปางขอฝนนี้  อยู่ในพระอิริยาบถยืน  ทรงผ้าอุทกสาฏกพระหัตถ์ขวา ยกขึ้น เป็นกิริยากวัก  แสดงอาการขอฝน  พระหัตถ์ซ้ายหงายยกขึ้นเสมอสะเอว  เป็นอาการรองรับน้ำฝน

            พระพุทธรูปปางนี้  อยู่ในพระอิริยาบถนั่งก็มี  ยกพระหัตถ์ขวาเช่นเดียวกัน  แต่พระหัตถ์ซ้ายหงายวางบนพระเพลา  อยู่ในอาการรองรับน้ำฝนเช่นเดียวกัน  ดูไม่สนกับเรื่องที่ว่าเสด็จประทับยืน

            พระพุทธรูปปางขอฝนนี้  นิยมเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า  ปางคันธาระ บ้าง ปางคันธารราษฐ์ บ้าง  เนื่องจากพระปางนี้สร้างขึ้น ที่เมืองคันธาระ เป็นครั้งแรก  ประมาณเวลาราว พ.ศ.๔๐๐  และผู้สร้างเป็นปฐมกษัตริย์ คือพระเจ้ามิลินทราช  ผู้ครองเมืองนี้  จึงเรียกชื่อพระปางนี้ ตามชื่อเมืองว่า “พระคันธาระ”

 

ตำนานพระพุทธรูปปางนี้ มีดังนี้
ครั้งหนึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้า  เสด็จประทับอยู่ที่เขตวันวิหาร ในเมืองสาวัตถี  บังเอิญในเวลานั้นฝนแล้งมาก  หาน้ำใช้ยาก  น้ำในสระ  ในหนอง  ในคลอง  และในบ่อน้อยก็เหือดแห้ง  ฝนไม่ตก  ประชาชนลำบากด้วยน้ำที่สุด  แม้แต่สระใหญ่ทั้งพระเชตวันวิหาร  สำหรับพระสงฆ์ตลอดผู้คนผ่านไปมาได้อาศัย อาบกิน ก็แห้ง
ติดก้นสระ  ฝูงปลา ที่อาศัยอยู่ในสระนั้น  ต้องเดือดร้อน มิใช่แต่ไม่มีน้ำอาศัยอยู่เท่านั้น  ยังต้องอาศัยภัยจากเหยี่ยว กาและนกยาง พากันมาโฉบจับกินอีกมาก

            วันหนึ่ง  เมื่อพระศาสดา กลับจากโปรดสัตว์ในเวลาเช้า  หลังจากทรงทำภัตตกิจแล้ว  ได้ทรงเห็นความลำบากของฝูงปลาเช่นนั้น ก็ทรงพระกรุณาประสงค์
จะอนุเคราะห์ บำบัดทุกข์ร้อนของปลา  ตลอดผู้คนที่ตรงมาสระ โดยมุ่งหวังจะดื่มน้ำแล้ว ก็ผิดหวังต้องกลับไปด้วยใบหน้าอันซีดเซียว จึงรับสั่งเรียกผ้าชุบสรงจากพระอานนท์เถระพุทธอุปปักฐาก  พระอานนท์สงสัย จึงได้กราบทูลว่า  น้ำในสระหน้าวัดแห้งหมดแล้วพระเจ้าข้า  พระศาสดาตรัสว่า  อานนท์ ! ไม่ใช่ตถาคตจะสรงน้ำในสระดอก  แต่จะสรงน้ำฝน  แม้พระอานนท์จะยังงวยงง ในพระพุทธดำรัส  ด้วยไม่เห็นฟ้าฝนที่ไหน ทั้งแสงแดดก็ยังกล้าปรากฏอยู่แก่ตาเช่นนั้น  แต่เมื่อเป็นพระกระแสรับสั่ง ทั้งเชื่ออยู่ในอานุภาพของพระบารมี  จึงได้นำเอาผ้าชุบสรงเข้าไปถวาย พระศาสดาทรงผ้าชุบสรง  (บ่า) ลงมา  แล้วเสด็จไปประทับยืนที่ขอบสระ ยกพระหัตถ์ขวาเรียกฝน  ยกพระหัตถ์ขึ้นรองน้ำ  ในทันใดนั้น  ด้วยอานุภาพของพระพุทธเจ้า มหาเมฆก็ตั้งเค้าขึ้นแล้วฝนก็ตกลงมาเป็นอันมาก  ให้พระองค์ได้สรงน้ำฝน สมพระวาจาที่รับสั่ง  และสมพระกรุณาที่จะอนุเคราะห์ฝูงปลา  เป็นเหตุอันน่าอัศจรรย์มาก ด้วยปรากฏว่า  น้ำฝนได้หลั่งไปทั่วทุกทิศ  ประชาชนและสัตว์ที่ลำบากด้วยน้ำ  ปรารถนาน้ำฝนอยู่อย่างมากมาย ก็ได้พึ่งพระพุทธบารมี ได้ความสุขจากน้ำฝนทั่วกัน

จบตำนานพระพุทธรูปปางขอฝนแต่เพียงนี้

 

( จากหนังสือตำนานพระพุทธรูปปางต่าง นิพนธ์ของ พระพิมลธรรม  ราชบัณฑิต ( ชอบ อนุจารี มหาเถระ  จัดพิมพ์โดย โครงการมูลนิธิหอไตร  ๒๕๓๓ หน้า ๑๘๒-๑๘๔)

 

ไปหน้าสารบาญพระพุทธรูปปางต่างๆ

HOME

Free Web Hosting