๔๔. ปางชี้มาร

            พระพุทธรูปปางนี้  อยู่ในพระอิริยาบถยืน  พระหัตถ์ซ้ายห้อยลงข้างพระกายตามปกติ  พระหัตถ์ขวายกขึ้น ชี้นิ้วพระหัตถ์ไปข้างหน้าเสมอพระเนตร  เป็นอาการชี้มาร

 

 

ตำนานพระพุทธรุปปางนี้ มีดังนี้

            ครั้งหนึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้า  เสด็จประทับอยู่ที่พระเวฬุวันวิหารใกล้พระนครราชคฤห์ ประจวบกับเวลานั้น  พระโคธิกเถระ ได้บำเพ็ญสมณธรรม อยู่ที่กาลสิลา  ข้างภูเขาอสิคีรี  ด้วยความไม่ประมาท  เพียบพร้อมด้วยความเพียร  เป็นผลให้ประสบเจโตวิมุติ  อันเกิดจากผลสมาบัติ เป็นครั้งเป็นคราว แต่แล้ว ก็เสื่อมจากเจโตวิมุตินั้น  เพราะโรคเรื้อรังอันร้ายแรงชนิดหนึ่งเบียดเบียน แม้ดังนั้น ท่านก็อุตสาหะบำเพ็ญสมณธรรม สามารถให้ฌานที่ ๒ และฌานที่ ๓ เกิดขึ้นได้ถึง ๖ ครั้ง แต่แล้วก็เสื่อมจากฌานนั้นอีกในครั้งที่ ๗  ก่อนที่ท่านจะเจริญฌาน  ได้เกิดความคิดใหม่ว่า “เราได้เสื่อมจากฌานมาถึง ๖ ครั้งแล้ว ธรรมดาคติของคนเสื่อมฌานย่อมไม่แน่นอน คืออาจไปทุคติก็ได้  จึงได้เตรียมหามีดโกนมาไว้แล้วขึ้นนอนบนเตียง  หยิบมีดโกนมาถือไว้ เตรียมจะเชือดคอ

            มารรู้วาระจิตของท่าน จึงคิดว่า  พระรูปนี้ถือมีดโกนเตรียมจะเชือดคอ ธรรมดาคนอยู่ในอาการอย่างนี้ ย่อมหมดอาลัยในชีวิต  หากพระรูปนี้เจริญวิปัสสนา ในเวลานี้ ก็สามารถจะบรรลุพระอรหันต์ได้  ถ้าเราจะห้ามเธอ  คิดว่าเธอคงจะไม่เชื่อ  ควรจะไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ทูลให้พระองค์ห้ามดีกว่า  เมื่อมารคิดดังนั้นแล้ว จึงแปลงเพศเป็นมานพ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วกราบทูลว่า :-

                                   มหาวี  มหาปุญฺญ                       อิทฺธิยา  ยสฺสา  ชล
                                    สพฺพเวราภยาตีต                           ปาเท  วนฺทามิ  จกฺขุม
                                     ฯลฯ

            ข้าแต่มหาวีระ  ผู้มีบุญมาก  รุ่งเรืองด้วยฤทธิ์  ด้วยยศล่วงเสียซึ่งเวรและภัยทุกประการ  มีจักษุพิเศษ  ข้าพระองค์ขอถวายบังคมพระยุคลบาท
            ข้าแต่พระมหาวีระ  บัดนี้สาวกของพระองค์  ถูกความตายครอบงำ คิดว่าจะฆ่าตัวตาย  ขอพระองค์จงห้ามเสีย  ก็เมื่อสาวกของพระองค์กำลังยินดีในพระพุทธศาสนา ยังมิทันได้บรรลุธรรมสมดังมโนรถ  ไฉนะจะพึงด่วนตายเสียเปล่า

            พระศาสดาทรงทราบว่า  มานพนี้เป็นมารแปลงเพศมา จึงตรัสว่า ปราชญ์ทั้งหลายทำอย่างนั้นแหละ  ไม่อาลัยในชีวิต  บัดนี้พระโคธิกะ  ได้ถอนตัณหาขึ้นพร้อมทั้งรากและปรินิพพานแล้ว

            ครั้นพระศาสดารับสั่งแล้ว  ก็เสด็จไปเยี่ยมพระโคถิกะ ที่กฏีของท่าน พร้อมด้วยภิกษุหลายรูป  เสด็จประทับยืนอยู่ใกล้เตียงของพระโคธิกะนั้น ขณะนั้นมารใจลามกคิดว่า  ปฏิสนธิวิญญาณของพระโคธิกะ ที่เพิ่งออกจากร่าง ได้ลอยไปอยู่ที่ไหนหนอ  ได้กำบังกายเข้าไปในก้อนเมฆ  แสวงหาวิญญาณของพระโคธิกะอยู่ในอากาศ

            พระผู้มีพระภาค  ได้ทรงชี้พระหัตถ์ตรัสบอกพวกภิกษุที่ยืนเฝ้าอยู่ข้างๆว่า  “นั่นแหละ มารใจลามก  มันกำลังแสวงหาวิญญาณของพระโคธิกะอยู่  ภิกษุทั้งหลาย  หาได้มีวิญญาณอยู่ในที่ใดไม่  ด้วยเธอได้ปรินิพพานเสียแล้ว”

            เมื่อมารไม่เห็นที่ตั้งของวิญญาณพระโคธิกะ  จึงได้แปลงเพศเป็นมานพ ถือพิณสีเหลืองเหมือนผลมะตูมสุก  เข้าไปเฝ้าพระศาสดา  ทูลถามว่า “ พระโคธิกะอยู่ไหน  พระเจ้าข้า ข้าพระองค์เที่ยวตามหาทั่วทุกทิศทุกทางแล้ว ก็มิได้พบ”

            พระศาสดาตรัสว่า “ มาร ! เจ้าต้องการอะไร ด้วยสถานที่เกิดของพระโคธิกะ คนอย่างเจ้า  ให้ตั้งร้อยตั้งพัน ก็ไม่อาจเห็นสถานที่พระโคธิกะ เกิดได้ ด้วยพระโคธิกะเป็นปราชญ์  สมบูรณ์ด้วยปัญญา  ยินดีอยู่ในฌานเสมอ  ทำความเพียรทั้งกลางวันกลางคืน  ไม่อาลัยใยดีในชิวต  ชำระเสนาแห่งมฤตยูได้แล้ว  ไม่มายังภพนี้อีก  ได้ถอนตัณหาสิ้นเชิงแล้ว  และปรินิพพานแล้ว”

            มารได้สดับพระพระพุทธดำรัสแล้ว  ตกตลึงด้วยคาดไม่ถึง  พิณได้พลัดตกจากรักแร้ทันที  และได้อันตรธานหายวับไปในทันใดนั้นเอง

            พระศาสดาได้ตรัสพระคาถา ประทานแก่ภิกษุทั้งหลายว่า ผู้ที่มีศีลบริบูรณ์  อยู่ด้วยความไม่ประมาท  ย่อมถึงวิมุต  เพราะญานหยั่งรู้ชอบแล้ว มารจะไม่สบช่องทางของท่านได้เลย

 

( จากตำนานพระพุทธรูปปางต่าง นิพนธ์ โดย พระพิมลธรรม ราชบัณฑิต (ชอบ  อนุจารี มหาเถระ)
จัดพิมพ์โดย โครงการมูลนิธืหอไตร ๒๕๓๓  หน้า  ๑๖๐ - ๑๖๔ )

 

 

ไปหน้าสารบารญ พระพุทธรูปปางต่างๆ

HOME

Free Web Hosting